วัดบ่อพลอย ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด 23140

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กัลยาณมิตร นันทพร คุณชัชวาล เจ้าหน้าที่จากชมรมพุทธศาสตร์สากล ( ชพส. ) มาพร้อมกับโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่น V-Star และได้มาทำการเชิญชวนนักเรียนชั้นมัธยมปลายทุกโรงเรียนในเขตจังหวัดตราด เข้าร่วมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่น V-Star เพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนา เริ่มอบรมวันที่ ๒๒ มีนาคม ถึง ๒๒ เมษายน ปี ๒๕๕๕ บวชฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ขยายวัน

จุดเริ่มต้นการทำวัตรเย็นของกลุ่มอุบาสกและอุบาสิกาในพื้นที่อำเภอบ่อไร่คือ วัดบ่อพลอย ในทุกๆเย็นวันศุกร์ และในที่ประชุมกลุ่มก็ลงความเห็นกันว่า น่าจะขยายวันออกไปตามกลุ่มอุบาสกและอุบาสิกาในพื้นที่ ที่วัดในเขตพื้นที่อำเภอบ่อไร่ สรุปแล้วก็มีดังนี้ วันจันทร์ที่ วัดเนินตากแดด วันอังคารที่ วัดบ้านม่วง วันพุธที่ วัดตากแว้ง วันพฤหัสบดีที่ วัดสระใหญ่ และวันศุกร์ที่ วัดบ่อพลอย ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ก็กำลังจะขยายออกไปอีก ตามสัดส่วนของอุบาสกและอุบาสิกาในเขตพื้นที่นั้นๆรวมตัวกัน และนี่ก็เป็นเรื่องดีๆของอุบาสกและอุบาสิกา ที่จะร่วมจรรโลงพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่ สาธุ...

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

คุณโยม ประคอง ภมร

อาตมาได้มีโอกาสผ่านมาที่ระยอง ก็เข้ามาพบกับโยมพี่ชายที่นับถือท่านหนึ่ง คุณโยมประคอง พี่ชายที่นับถือของอาตมา

วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง ขันธ์ ๕ ตอน๒ ( คลิ๊ก )

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง ขันธ์ ๕ ตอน๒ ( คลิ๊ก )

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง ขันธ์ ๕ ตอน๑ ( คลิ๊ก )

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง ขันธ์ ๕

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง นิวรณ์๕ ( คลิ๊ก )

นิวรณ์๕

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง สติกำหนดจิต ( คลิ๊ก )

สติกำหนดจิต

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แสดงพระธรรมะเทศนา เรื่อง อบรมจิต


ถ้อยแถลง ธรรมอบรมจิต เป็นงาน MP3 ที่แสดงโดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในชุดนี้มีทั้งหมด ๔๐ ตอน ชึ่งแต่ละตอนนั้นมีเนื้อหาสาระสำคัญอยู่อย่างมากมาย เหมาะสำหรับพี่น้องชาวพุทธและผู้สนใจ เป็นพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระองค์ท่าน เวลาโดยรวมประมาณ ๒๐ ชั่วโมง
สัพทานัง ธัมมะทานัง ชิเนติ การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง สาธุ...

เวลาที่ทุกคนรอคอย

เวลา ณ.ตอนนี้ 12.30 น. ใกล้เวลาที่ทุกคนรอคอย คณะครูบาอาจารย์ พระเกจิอาจารย์หลายๆท่าน ต่างเตรียมตัว ถ้ามีรูป ก็จะนำมาให้ชมกัน ตอนนี้ก็เป็นการเสนอข่าวอย่างนี้ไปก่อน ...สาธุ...

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พร้อมแล้วสำหรับงานใหญ่

เมื่อวานและวันนี้อีกทั้งวัน พระอาจารย์ท่านได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ เพื่องานสวดภาณยักษ์ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ สถานที่พร้อมแล้ว...พรุ่งนี้ก็ถึงเวลาที่ชาวบ่อไร่รอคอย ...สาธุ...

ดนตรีเบาๆ เพลงสำหรับวันมาฆบูชา ( คลิ๊ก )

มาฆบูชา

วันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓


วันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กองช่างสำนักงานเทศบาล ตำบลบ่อพลอย

เช้านี้...ทางกองช่างของสำนักงานเทศบาล ตำบลบ่อพลอย ได้จัดโต๊ะ นำขึ้นมาที่วัดเพื่อจัดสถานที่ และเตรียมความพร้อมในงานสวดภาณยักษ์ ในวันเสาร์ที่ ๑๑ และ อาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ สาธุ...สาธุ...

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

๗ มีนาคม ๒๕๕๕




วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นวันสำคัญทางพระทุทธศาสนายิ่งอีกวันหนึ่งคือ วันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง วันนี้วัดบ่อพลอยโดย ท่านพระครูพิพัฒน์รัตนากรณ์ ได้นำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวันมาฆบูชามาฝากกัน

ความหมายของวันมาฆบูชา
คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3

การกำหนดวันมาฆบูชา
การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม
ความสำคัญและประวัติของวันมาฆบูชา

ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์"แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"
ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่

1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6 ทั้งสิ้น

4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ
จาตุร แปลว่า 4
องค์ แปลว่า ส่วน
สันนิบาต แปลว่า ประชุม

ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง

ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็น วันพระธรรม
ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็น วันพระพุทธ
ส่วนวันอาสาฬหบูชาเป็น วันพระสงฆ์

ประวัติการถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย
พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า

ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เมื่อถึงเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่างๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ

ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง

ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย

หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ
หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติคือ "โอวาทปาติโมกข์" ซึ่งเป็นหลักคำสอนสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 และวิธีการ 6 ดังนี้

หลักการ 3 คือหลักคำสอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

1.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือ การลด ละ เลิก ทำบาปทั้งปวง อันได้แก่ อกุศลกรรมบถ 10 ซึ่งเป็นทางแห่งความชั่ว 10 ประการที่เป็นความชั่วทางกาย (การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม) ทางวาจา (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ) และทางใจ (การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)

2.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ การทำความดีทุกอย่างตาม กุศลกรรมบถ 10 ทั้งความดีทางกาย (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ประพฤติผิดในกาม) ความดีทางวาจา (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดเพ้อเจ้อ) และความดีทางใจ (ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น มีความเมตตาปรารถนาดี มีความเข้าใจถูกต้องตามทำนองคลองธรรม)

3.การทำจิตใจให้ผ่องใส คือ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ หลุดจากนิวรณ์ที่คอยขัดขวางจิตใจไม่ให้เข้าถึงความสงบ ได้แก่ ความพอใจในกาม, ความพยาบาท, ความหดหู่ท้อแท้, ความฟุ้งซ่าน และความลังเลสงสัย

ซึ่งทั้ง 3 หลักการข้างต้น สามารถสรุปใจความสำคัญได้ว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์" นั่นเอง
อุดมการณ์ 4 ได้แก่

1.ความอดทน อดกลั้น คือ ไม่ทำบาปทั้งกาย วาจา ใจ
2.ความไม่เบียดเบียน คือ งดเว้นจากการทำร้าย หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
3.ความสงบ ได้แก่ การปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจาและทางใจ
4.นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา


วิธีการ 6 ได้แก่
1.ไม่ว่าร้าย คือ ไม่กล่าวให้ร้าย โจมตีใคร
2.ไม่ทำร้าย คือ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
3.สำรวมในปาติโมกข์ คือ เคารพระเบียบวินัย กฎกติกา รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคม
4.รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดีในการบริโภค รวมทั้งการใช้สอยสิ่งต่างๆ
5.อยู่ในสถานที่สงัด คือ อยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
6.ฝึกหัดจิตใจให้สงบ คือ การฝึกหัดชำระจิตใจให้สงบ มีประสิทธิภาพที่ดี

กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา
การปฏิบัติตนสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันมาฆบูชาคือ คือ ในตอนเช้า ควรไปทำบุญตักบาตร ไปวัดเพื่อฟังพระธรรมเทศนา หรือจัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวายภัตตาหาร ช่วงบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา เจริญสมาธิภาวนา เมื่อถึงตอนค่ำ นำดอกไม้ ธูปเทียนไปเวียนเทียน 3 รอบที่พระอุโบสถ โดยการเวียนเทียนนั้นจะเวียนขวา จำนวน 3 รอบ และช่วงเวลาที่เดินอยู่นั้นให้ระลึกถึง

รอบที่ 1 ให้ระลึกถึงพระพุทธ
รอบที่ ๒ ให้ระลึกถึงพระธรรม
รอบที่ ๓ ให้ระลึกถึงพระสงฆ์

นอกจากนี้พุทธศาสนิกชนควรบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่างๆ และรักษาศีล สำหรับตามบ้านเรือน สถานที่ราชการ จะมีการประดับธงชาติ ธงธรรมจักร เพื่อระลึกถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
...เจริญพร...